รูปแบบการเรียนรู้ (Learning Styles) : 4 ลักษณะของผู้เรียนรู้
รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ประโยคนี้ใช้ได้ทุกสถานการณ์ แม้ในการจัดการฝึกอบรมนะคะ
มีงานวิจัยเกี่ยวกับรูปแบบการเรียนรู้มากมาย แต่ในบทความนี้จะหยิบยก Honey and Mumford Learning Style Mode lมาเล่าให้ฟังนะคะว่ามีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง โมเดลนี้มีมากว่า30 ปีแล้ว และถูกนำมาใช้ในองค์กรต่างๆ กว้างขวางพอสมควร เนื่องจากใช้ได้จริงและประยุกต์ใช้ได้ง่ายนั่นเองค่ะ
Honey and Mumford Learning Style Modelแบ่งรูปแบบการเรียนรู้เป็น 4 แบบ คือ นักกิจกรรม นักทฤษฎี นักตรึกตรอง และนักปฏิบัติ ซึ่งแต่ละแบบจะมีแนวทางในการเข้าถึงการเรียนรู้ที่แตกต่างกันนะคะ แต่ก่อนจะทราบลักษณะของแต่ละแบบ ขออธิบายแนวคิดพื้นฐานของโมเดลนี้ให้เข้าใจก่อน เพื่อเวลาที่เรานำไปประยุกต์ใช้จะได้เกิดความถูกต้อง และออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมนะคะ
แนวคิดของโมเดล
· พฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำ รูปแบบของเรา เป็นผลจากกระบวนการลองผิด ลองถูกที่เกิดขึ้นอย่างยาวนาน เรามีการพัฒนาการแสดงออกถึงรูปแบบของเรา โดยอาจจะแสดงออกมามาก หรือน้อย โดยใช้ระดับความเข้มแตกต่างกันในแต่ละสถานการณ์ ไม่มีรูปแบบไหนที่ดีกว่ารูปแบบอื่น หรือแย่กว่ารูปแบบอื่น เพราะมันเป็นการแสดงลักษณะนิสัย รูปแบบไม่เกี่ยวกับความสามารถ การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือเราต้องใช้รูปแบบการเรียนรู้ทุกรูปแบบ ไม่ใช่ใช้เฉพาะที่เราชอบ
รูปแบบการเรียนรู้แต่ละลักษณะ
1. นักกิจกรรม (Activists)
o ชอบประสบการณ์ใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ จะกระตือรือร้นมาก
o มีการตอบสนองที่รวดเร็ว การคิดทบทวน แปลผลจะตามมาทีหลัง
o มีความสุข สนุกสนานกับการทำงานเป็นทีม
2. นักตรึกตรอง (Reflectors)
o ชอบเก็บข้อมูล คิดทบทวนอย่างละเอียดก่อนจะสรุปอะไรบางอย่าง
o ชอบมีเวลาในการคิดและเตรียมก่อนทำสิ่งใด
o มักจะฟังก่อนแล้วจึงบอกความคิดเห็นตนเอง
3. นักทฤษฎี (Theorist)
o คิดถึงปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
o ชอบความสมบูรณ์แบบ
o มีการวางโครงสร้างของเหตุการณ์ต่างๆ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน
o ชอบการถามและคิดอย่างละเอียด
4. นักปฏิบัติ (Pragmatists)
o กระตือรือร้นที่จะทำสิ่งต่างๆให้เห็นผลสำเร็จ
o ไม่ค่อยอดทนกับการสนทนาที่ยาวนาน
o ชอบโมเดลหรือแนวคิดที่นำมาประยุกต์ใช้ในงานได้จริง
o ชอบทำอะไรตามวิธีการของตนเอง
ที่มา : Adapted from The Manual of Learning Styles, Peter Honey Publication, 1982
ทำไมรูปแบบการเรียนรู้จึงสำคัญ
ได้ทราบรูปแบบการเรียนรู้ทั้ง 4 รูปแบบไปแล้วนะคะ ต่อไปเราจะทำความเข้าใจมากขึ้นว่าการออกแบบหลักสูตรเกี่ยวข้องกับรูปแบบการเรียนรู้เหล่านี้อย่างไร ลองจินตนาการว่าถ้าเราจัดฝึกอบรมให้กับกลุ่มนักวิเคราะห์เชิงธุรกิจ เรื่องทักษะการสร้างสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal skills) เพื่อสามารถให้คำปรึกษากับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วถ้าคุณเป็นนักออกแบบหลักสูตร คุณชอบแนว “นักปฏิบัติ” และ “นักกิจกรรม” คุณจะหาเครื่องมือต่างๆ ในลักษณะนี้ในหลักสูตรของคุณเอง
จะเกิดอะไรขึ้น!!! ถ้ากลุ่มคนเรียนส่วนใหญ่เป็น “นักตรึกตรอง” และ “นักทฤษฎี” เราอาจจะเชื่อว่าการเรียนเพื่อนำไปปฏิบัติได้จริงเป็นสิ่งที่ดี แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการเรียนด้วยกระบวนการและกิจกรรมต่างๆ ที่เราออกแบบมาอาจทำให้ได้ผลลัพธ์ออกมาน้อยกว่าที่คาดหวัง ขณะที่ผู้เรียนก็อาจ “ช็อค” ด้วยเช่นกัน ความรู้สึกในเชิงลบอาจเกิดขึ้น และเป็นการเรียนที่ไม่สร้างแรงจูงใจเอาซะเลย ร้ายไปกว่านั้น!!! ในฐานะนักออกแบบหลักสูตร อาจเผลอตัดสินผู้เรียนไปแล้วว่าเป็น “คนที่ติดอยู่กับวิธีแบบเดิมๆ” หรือ “ไม่มีความกระตือรือร้นใฝ่เรียนรู้” ผลลัพธ์คือ หลักสูตรไม่ประสบความสำเร็จ เราพอจะเห็นความเชื่อมโยงของการเข้าใจรูปแบบการเรียนรู้ของคน กับการพัฒนาคนในฐานะนักจัดฝึกอบรม หรือนักออกแบบพัฒนาหลักสูตรแล้วนะคะ
ดังนั้น ปัจจัยในการออกแบบหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรให้ประสบความสำเร็จ อย่าลืมวิเคราะห์และทำความเข้าใจกลุ่มผู้เรียนก่อนนะคะ เพื่อจะได้วางแผนการออกแบบหลักสูตร เนื้อหา และกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างสูงสุดค่ะ
Reference
Tom Bird and Jeremy Cassell, Financial Times Guides to Business Training. First published, 2013
Reference
Tom Bird and Jeremy Cassell, Financial Times Guides to Business Training. First published, 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น